https://www.pexels.com/photo/woman-wearing-denim-jeans-3049711/

ชีวิต 8 เดือนในประเทศฟิลิปปินส์

0 Shares
0
0
0

วันนี้ก็ครบ 8 เดือนที่ย้ายมาทำงานอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ 5 เดือนที่ติดอยู่กับห้องเพราะพิษโรคระบาดโควิด ที่ประเทศฟิลิปปินส์ Lock down ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม พอสิ้นเดือนก็ต่อใหม่เรื่อยๆ จนตอนนี้เราเลิกดูข่าวของฟิลิปปินส์แล้ว เพราะดูทีไรก็อดตกใจกับจำนวนผู้ติดเชื้อของประเทศฟิลิปปินส์ไม่ได้จริงๆ เหมือนประเทศฟิลิปปินส์จะเป็นแหล่งรวมผู้ติดเชื้อที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียไปแล้วรองจากประเทศอินเดียนะ 

เราเริ่มย้ายมาอยู่ประเทศฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2019 หลังจากกลับมาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ก็หางานอยู่ในประเทศไทยอยู่นานมาก แต่ก็ได้งานที่ไม่ถูกใจ เอาง่ายๆได้เงินเดือนที่ไม่คิดว่าจะสามารถอยู่ได้ในกทม. เงินเดือนที่เสนอมา ส่วนมากจะอยู่ท่ 18,000 บาทถึง 20,000 บาท แล้วจะอยู่ได้ยังไง ถ้าต้องจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าครองชีพในกทม. เงินเดือนจะเหลือเท่าไหร่กันใช่ไหมคะ เพราะลองคิดย้อนกลับไปตอนปี 2018 

ชีวิต 8 เดือนในประเทศฟิลิปปินส์
Photo by Denniz Futalan on Pexels.com

ตอนที่กลับมาจากประเทศเดนมาร์ก จากการเป็นออแพร์ประเทศเดนมาร์ก ตอนนั้นหางานที่กทม.และได้งานเหมือนกัน แต่เงินเดือนก็เริ่มต้นสูงเหมือนกันนะคะ เงินเดือนที่ได้ในปีเดือนสิงหาคม 2018 เริ่มต้นที่ 23,000 บาทยังไม่รวมโอที หากผ่านโปรทางบริษัทอาจจะขึ้นให้อีก แต่อยู่แล้วก็อยู่ไม่ได้ ไม่ใช่ว่างานไม่ดี แต่เราเคยใช้ชีวิตแบบท่องเที่ยว แบบได้ไปไหนมาไหนตลอด พอมาอยู่กทม. มาทำงานทุกวัน เย็นมาเลิกงานอยู่ห้องไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนเพราะไม่อยากใช้เงิน เพราะอยู่กทม.ก็ค่าครองชีพแพงจริงๆ ในความคิดของเราที่ต้องมาเสียค่าที่พักเอง ค่าห้องเดือนละ 5,000 บาท+ค่าน้ำค่าไฟ เดือนๆนึงเราต้องจ่ายถึง 7,000บาท เลยรู้สึกไม่โอเคกับชีวิตในตอนนั้นเลย พอเงินเดือนออกก็ต้องจ่ายค่าห้องไปแล้วเกือบครึ่งเดือน ที่เหลือก็จิปาถะ ค่าโทรศัพท์ ส่งเงินให้ที่บ้าน เอาเป็นว่าอยู่กทม. ไม่ได้แน่ๆและมันเป็นช่วงปรับตัวด้วย 

ย้อนกลับไปซะไกลเลย ปี 2018 ฮ่าๆ แค่อยากเล่าให้ฟังว่ามีที่มาที่ไป จนเราตัดสินใจไปออแพร์ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ต่ออีก 1 ปี พอจบก็ได้งานที่ประเทศฟิลิปปินส์เลย และมาต่อที่ประเทศฟิลิปปินส์แบบงงๆ กับงานที่ไม่เคยลองทำมาก่อนในชีวิต จนวันนี้ 8 เดือนกว่าๆในประเทศฟิลิปปินส์ 

จากวันที่ประกาศ Lock down ของประเทศฟิลิปปินส์แบบกระทันหัน ทำให้ต้องทำงานที่คอนโด การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปหมดเลย ต้องอยู่ห้องตลอด 24 ชั่วโมงจากเดิมที่เคยอยู่แค่ตอนกลับมาจากที่ทำงานเพราะเวลาส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ทำงานอยู่แล้วเพราะว่าทำงานเยอะมาก ทำงานวันละ 9 ชั่วโมง 6 วัน หยุดแค่ 1 วันต่ออาทิตย์เท่านั้น เรียกได้ว่าการย้ายมาอยู่ประเทศฟิลิปปินส์คือการมาทำงานจริงๆเลย ไม่มีการไปท่องเที่ยวอะไรทั้งนั้น ยิ่งช่วงโควิด 19 นี่อีก การเดินทางไปไหนมาไหนนอกเขตที่ตัวเองอาศัยอยู่คือต้องมีใบตรวจโควิด 19 และมีใบผ่านแบบ Safety ผ่านเข้าไปในแต่ละเขตในประเทศคือช่วง Lock down นี่ใช้ชีวิตลำบากมากๆค่ะ มีการเคอร์ฟิว ระหว่างเวลา 20.00ช่วงเย็น ถึง เวลา 05.00น. คือห้ามออกไปไหน 

ช่วง lock down ดีหน่อยที่บริษัทมีบริการอาหารให้แต่ละอาทิตย์ก็มีอาหารมาส่ง แต่คนเราก็มีเบื่อกันบ้างเนอะ บางครั้งก็สั่งอาหารข้างนอกจาก Food panda หรือ Grap food มากินบ้าง ช่วงแรกของการ Lock down คือค่าส่งฟรี แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ขึ้นค่าส่งแพงอยู่นะ

ชีวิต 8 เดือนในประเทศฟิลิปปินส์
Photo by Krisia Vinzon on Pexels.com

ตอนมาอยู่ช่วงแรกๆ ยังไม่มีการ Lock down แต่เราเริ่มใส่หน้ากากตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เลยเพราะว่าฝุ่นที่ฟิลิปปินส์ตามถนนในมะนิลา คือเยอะมาก จนตอนนี้ได้กลายเป็นภูมิแพ้เรียบร้อยแล้ว ผลจากฝุ่นที่ได้รับในช่วง 3 เดือนแรกที่มา จากนั้นก็ใส่หน้ากากมาตลอด พอมาช่วงกลางเดือนมีนาคมย้ายมาทำงานที่คอนโด ก็ไม่ได้ใส่หน้ากาก เพราะทำงานที่ห้องกับทีมคนไทยสองคน 

เห้อบ่นไปอีก เมื่อไหร่จะมีวัคซีน อยากกลับไปเยี่ยมเมืองไทยแล้ว 8 เดือนที่ไม่ได้ไปไหนเลย 8 เดือนที่ติดอยู่กับที่เหมือนไม่ได้ใช้ชีวิตอะไรเลย แค่ตื่นขึ้นมาทำงานแลกเงิน  แต่ไม่ใช่ว่ามันจะเลวร้ายไปทั้งหมด เพราะยังโชคดีอยู่มากที่ยังมีงานทำ ยังสามารถดูแลครอบครัวและพ่อแม่ ส่งเงินให้ทางบ้านได้ เพราะหากอยู่ที่ไทยอาจจะตกงานไปแล้วเพราะพิษโควิด 19 แย่กว่าการติดอยู่กับที่คือการที่ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ไม่มีเงินซื้อของที่เราอยากได้ ไม่มีเงินส่งให้ทางบ้าน ถึงชีวิตจะติดอยู่กับที่ไม่ได้เที่ยวก็ดีกว่าที่เราต้องตกงาน ใครที่ยังมีงานทำอยู่ รักษางานไว้ให้ได้นะคะ สิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตในช่วงที่โรคระบาดอยู่คือการไม่มีเงินค่ะ 

ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ เพราะเรามีคนทางบ้าน พ่อแม่ที่ต้องดูแลที่อยู่ทุกวันนี้ก็คิดถึงแต่คนทางบ้านเพราะว่าหากไม่มีเราพ่อแม่ของเราต้องลำบากกว่านี้แน่ๆเลยค่ะ ช่วงปีนี้ยิ่งหนักมาก เพราะแม่ตรวจเจอโรคเกี่ยวกับหัวใจ แม่มีหัวใจโตกว่าปกติ ตอนนี้ยังต้องกินยาทุกวัน หมดนัดไปตรวจบ่อยๆ คือเราก็อดเป็นห่วงพ่อแม่ไม่ได้เลยจริงๆ ขอให้โควิดนี้หายไปเร็วๆด้วยเถิด ขอให้ชาวโลกหาวิธีที่จะกำจัดมันออกไป ณ วันนี้ เวลานี้ เราสูญเสียไปมากพอแล้วค่ะ 

ขอให้ทุกคนปลอดภัยและได้กลับมาใช้ชีวิต ได้เที่ยวตามที่ใจเราต้องการด้วยเถอะ สาธุ จะได้กลับเมืองไทยสักทีเนอะ 🙂 

เดี๋ยวกลับมาโพสต์ต่อๆไปจ้า 

0 Shares
ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You May Also Like