กลับมาอีกครั้งกับโพสต์ใหม่ ในห้วข้อการใช้ชีวิตในช่วงโควิดที่ประเทศฟิลิปปินส์
ประเทศฟิลิปปินส์เริ่มประกาศปิดเมือง ปิดประเทศในกลางเดือนมีนาคม 2020 หรือประมาณวันที่ 14 มีนาคม เราก็เริ่มทำงานอยู่ที่ห้องแล้ว รู้เรื่องแบบฉุกละหุกมาก พอประกาศตอนเย็น บริษัทก็ให้ทำงานที่คอนโดเลย ตอนแรกๆอย่กับน้องคนไทย 2 คน สลับกันทำงานคนละกะกัน สัปเปลี่ยนกันไปแต่ละเดือน คนหนึ่งอยู่เช้าอีกคนอยู่ดึก
การออกไปข้างนอกช่วงแรกๆคือยากมาก ต้องออกไปทีละไม่เกิน 2 คนนี่แหล่ะ มีใบผ่านเข้าออกในเขต เค้าเรียกกันว่าใบ safety card แบบพอออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์เขาก็มีด่านตรวจอุณหภูมิกับตรวจใบ Safety ว่าอยู่ไหน ช่วงๆแรกๆเหมือนเข้มมากๆ คือมีเวลาเคอร์ฟิวช่วงเวลาตั้งแต่ 05.00-20.00น คือออกไปไหนมาไหนในประเทศฟิลิปปินส์คือต้องใส่หน้ากาก ล้างมือด้วยแอกอฮอล์จนมือหยาบหมดคือล้างมือบ่อยมากๆ พอล้างด้วยแอลกอฮอลเสร็จแล้วก็ล้างด้วยสบู่ต่ออีกจ้า
ช่วง 1-2 เดือนการ Lock down หรือปิดเมืองเหมือนเคร่งมากๆ แต่หลังจากนั้นหรอ เหมือนเดิมประชาชนคนฟิลิปปินส์ ไม่รู้จักกับระยะห่างเวลาเข้าไปซื้อของในห้างหรือในซุปเปอร์ตอนจ่ายเงิน หรือจะต่อแถวอะไรก็แล้วแต่ คนฟิลิปปินส์ก็จะชอบเบียดเข้ามาเหมือนกลัวไม่ได้จ่ายเงิน ตรงนี้แย่มากๆ พวกไม่มีความอดทน คือจะรีบทุกครั้งเลยหรอ ทำให้บ้างครั้งคือไม่อยากไปซื้อของตามซุปเปอร์เลยเด้อ หรือเวลาจะไปเลือกที่จะไปในช่วงเวลาที่ไม่มีคนไปคือ ในช่วงเช้ามากๆหรือในช่วงบ่ายอ่อนๆ บางคนก็เปิดหน้ากากตลอดเวลา นึกภาพออกไหมว่า เวลาพ่อค้าขายผลไม้ แต่เปิดปากหน้ากากอ่ะ มันน่าซื้อหรือเปล่าหล่ะ บางครั้งก็โคตรหลอนนะ แต่เราก็จำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างระหวาดระแวงด้วย

การไปซื้อของตามซุปเปอร์ วัตสัน 711 family mart และ Lawson หรือร้านต่างๆคือทุกวันนี้มรกฎให้ใส่ทั้งหน้ากากและก็ Face shield ด้วย ก่อนเข้าไปข้างในบางที่มีวัดอุณหภูมิและลงชื่อ บางที่ก็มีแค่วัดอุณหภูมิอย่างเดียว การเข้าไปซื้อกาแฟที่สตาร์บัคก็จะละเอียดนิดหน่อย พนักงานจะวัดอุณหภูมิและให้เราเขียนรายละเอียดในใบเล็กๆว่าอุณหภูมิร่างกายเราเท่าไหร่และและรายละเอียดชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ บลาๆตอนที่จะสั่งกาแฟ ก็ต้องยื่นใบนี้ให้พนักงานและเราก็สามารถสั่งกาแฟได้จ้า
แตก่อนทำงานที่ออฟฟิศช่วงไม่มีโควิด อาหารการกินก็จะง่ายหน่อย ส่วนใหญ่ก็กินร้านอาหารแถวๆตึกออฟฟิศ ร้านพิซซ่ากับร้านอาหารพวกเกาหลี ญี่ปุ่นอยู่ข้างล่างตึกที่ออฟฟิศ ง่ายมากตอนนั้น อาหารไม่ค่อยอยากทำ แต่พอมา Lock down คือต้องซื้อพวกผัก อาหารมาทำกินเองที่ห้อง นานๆครั้งถึงจะสั่งอาหารมาทานเพราะมันเปลืองมากถ้าจะสั่งกิน สั่งทานทุกวัน เลยตัดสินใจทำอาหารกินเอง และบริษัทก็มีบริการแจกอาหาร บริษัทจะซื้อพวกเนื้อ พวกไก่ ผักบ้างมาให้ที่ห้องเราอาทิตย์ละครั้งก็ทำอาหารจากของที่เขาแจกก็ช่วยประหยัดไปอีกแรงเนอะ
มาพูดถึงการซื้อของคราวนี้ต้องซื้อของออนไลน์หมดเลย ไปห้างไม่ได้ก็สั่งซื้อออนไลน์จนเป็นเจ้าแม่ Shoppee กับ Lazada ของฟิลิปปินส์แล้ว เสื้อผ้าเครื่องสำอางคือซื้อออนไลน์หมดเลย จริงๆไม่ดีหรอกเพราะเสื้อผ้าก็ลองไม่ได้เลย ซื้อมาบางทีก็ไม่เหมือนในรูปเลย ของที่ฟิลิปปินส์นี่มันหลอกลวงมากๆ อันไหนถูกๆให้ระวังเลย ว่าคุณภาพจะแย่มากๆ เหมือนหลอกลวงผู้บริโภค ยิ่งของสั่งจากจีนนี่ต้องระวังเลย และที่สำคัญที่สุดสั่งของจากที่นี่ห้ามจ่ายเงินก่อนเด็ดขาด ยิ่งของมาจากจีนหรือในประเทศฟิลิปปินส์เองก็ต้องระวังว่า อาจจะโดนหลอกก็ได้ เราต้องเลือเป็นเก็บเงินปลายทางหรือที่เรียกกันว่า Cash on delivery (COD) นั่นเอง การสั่งของออนไลน์จากที่นี่เดี๋ยวคงได้มาเขียนอีกโพสต์นึงแน่นอนจ้าเพื่อนๆ

ชีวิตประจำวันในช่วงโควิดคือน่าเบื่อมากมายจ้า ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเพราะเดินทางไปไหนไม่ได้จ้า เราทำงานเป็นกะ ชีวิตประจำวันคือ ตื่นนอน อาบน้ำล้างหน้าแปลงฟันแล้วมานั่งทำงาน จากนั้นทำอาหารมื้อแรกกิน กินไปด้วย ทำงานไปด้วยจ้า นั่งทำงานตลอดเวลา บางครั้งก็ยืนยึดเส้นยึดสายแต่ส่วนมากคือนั่งยาวมากๆ นี่เลยไม่ดีนั่งเยอะๆคือลงพุงใหญ่มาก ฮ่าๆ ทำงานเสร็จคืออาบน้ำนอน ดูซีรี่ย์ คือเป็นแบบนี้มา 5 เดือน
และก็จะเป็นแบบนี้จนกว่าจะสามารถไปทำงานที่ออฟฟิศได้ มันเป็นชีวิตประจำวันที่เหมือนเดิมไม่มีอะไรแตกต่าง ก่อนที่จะมีโควิดมา ยังวางแผนไปว่า ต้องไปเที่ยวเกาะในประเทศฟิลิปปินส์ให้หมดก่อนที่จะกลับไปอยู่ประเทศอื่น หรือก่อนที่จะกลับประเทศไทยไป คือเราต้องไปเก็บให้ทุกเกาะนะ พอโควิดมาคือฝันสลายมาก นอกจากจะไม่ได้ไปเที่ยวแล้ว แพลนที่วางไว้ว่าจะกลับไปเมืองไทยก็ยังพังไปด้วย เอาเป็นว่าชีวิตพังมาก จากคนที่เคยมีอิสระไปไหนมาไหนได้ ไม่อุดอู้แต่ตอนนี้เราคือกลายเป็นคน indoor มากๆคือไม่ได้ไปไหนไง คิดว่าจะไปเดินแค่คิดก็กลัวแล้ว กลัวไอ้โควิดนี่แหล่ะ มันหลอนไง เพราะเป็นมาในฟิลิปปินส์นี่ไม่คุ้มมาก เพราะเตียงเค้าก็ไม่พอแถมหมอ พยาบาลก็ไม่มีประสิทธิภาพเลยจริงๆ ก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมีใครหลายคนถึงอยากมาเรียนแพทย์ที่ฟิลิปปินส์ ขนาดหมอในประเทศเขาเองยังไม่มีคุณภาพขนาดนี้ ไม่อยากคิดถึงคนที่จะมาเรียนไปจากที่นี่เลยจริงๆค่ะ
ความเห็นส่วนตัวเราคิดว่าหมอเมืองไทยดีกว่าเยอะมาก หมอ พยาบาลเมืองไทยนี่อันดับ 1 แล้วในเอเชีย คอนเฟิร์ม
หากเดือนไหนทำงานกะ กลางคืนคือต้องนอนกลางวัน คือทรมานมากๆเพราะว่าต้องนอนตอนกลางวัน คือตอนกลางวันมันร้อนและที่สำคัญห้องติดถนน ได้ยินเสียงรถวิ่งไปมา หลับยากมากๆเลยจ้า ตอนทำงานกลางคืนนี่ลำบากจริงๆค่ะ เราจะหางานอดิเรกทำก็คงไม่มีอะไรให้ทำมาก เพราะการจะไปตระเวนในที่ต่างๆ มันดูเป็นไปได้ยากเพราะโควิดนี่แหล่ะ ให้หาอะไรทำในห้องก็ทำไปหมดแล้วจนเบื่อ ทำความสะอาดห้อง วาดรูป ถ่ายรูปตัวเอง ฟังเพลง เต้น ออกกำลังกาย บลาๆ
วันหยุดก็ไม่ได้หยุดนะ ก็ยังต้องออนไลน์ ก็ยังต้องทำงานอยู่เหมือนเดิมจ้า เพราะยังไม่มีคนช่วยออนไลน์ คนทำงานยังไม่พอเลย เหมือนทำงาน 7 วัน

แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ว่าไหม เราไม่อาจเลี่ยงสิ่งที่มันเกิดขึ้นได้แต่เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ ถึงมันจะยากเท่าไหร่ก็ตามเถอะ เราพยายามคิดว่าเพราะโควิดทำให้เราต้องอยู่กับตัวเองมากขึ้น อยู่ตัวคนเดียวจริงๆ แล้วอยู่กับตัวเองทกวัน เราต้องคุยกับตัวเองให้รู้เรื่อง ว่าเราจะต้องปรับตัวตามสถานการณ์บ้านเมือง เพราะเราเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ไม่ได้ เราก็ต้องปรับตัวนั่นแหล่ะ จริงๆถ้าอยากจะกลับไทยจริงๆก็ทำได้นะ สถานทูตไทยคือมีเที่ยวบินให้กลับไทยทุกเดือน แต่ปัญหาคือว่ากลับเมืองไทยแล้วจะไปทำอะไรในช่วงเวลาแบบนี้ ที่ไหนจะรับเข้าทำงานในช่วงเวลาที่โรคระบาดเช่นนี้คะ แล้วเงินเดือนที่ได้ที่ไทยจะได้เท่าไหร่ จะเป็นปัญหาการใช้ชีวิตที่เมืองไทยอีกไหม เพระค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายในการใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทยคือเยอะมากนะจ๊ะ ไหนจะเงินส่งบ้าน เงินใช้หนี้ เงินใช้ประจำเดือน จิปาถะ โอ๊ยเยอะ ยิ่งโตขึ้น ก็ยิ่งภาระเยอะขึ้นเป็นกองนะจ๊ะ คิดหนักจ้า
ช่วงนี้ก็ยังเป็นช่วงปิดประเทศ (Lock down) อยู่เลยและก็ไม่รู้ว่าอีกกี่เดือน สถานการณ์ที่ประเทศฟิลิปปินส์จะเป็นแบบไหนอีก เมื่อไหร่สถานการณ์จะเป็นปกติ เมื่อไหร่ที่จะสามารถซื้อตั๋วกลับเมืองไทยได้แบบไม่ต้องรอ พอสิ้นเดือนเมื่อไหร่ก็ต่อ Lock down เหมือนกับเมืองไทยนั่นแหล่ะ แต่ผิดก็ตรงที่ประสิทธิการควบคุมโรค ไทยกับฟิลิปปินส์ต่างกันมาก ที่ไทยมีประสิทธิภาพกว่าเยอะมาก แต่ที่ฟิลิปปินส์ คนติดเชื้อรายวันเยอะมาก คนตายรายวันก็เยอะมากเช่นกัน และช่วงนี้ที่ผู้ติดเชื้อเลยจำนวนสองแสนไปแล้วจ้า อีกหน่อยประเทศฟิลิปปินส์อาจจะแซงหน้าประเทศอินเดียเลยก็ได้จ้า
เราก็ยังต้องอดทน ก็ขอให้ทุกประเทศผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี่ไปด้วยเถอะ ขอให้ทุกชีวิตปลอดภัยรวมถึงสัตว์ทุกตัวบนโลกนี้ ขออย่าให้ติดโรคร้ายใดๆเลยค่ะ สาธุ อาจจะวกไปวนมาหน่อย แล้วเจอกันใหม่จ้า


คุณคิดอย่างไร