ชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอนเลยสักนิด การที่เราคิดว่าเราต้องการแบบนี้แล้วเราคาดหวังไว้สูงว่ามันต้องเป็นไปตามที่เราคาดหวังเสมอ ซึ่งชีวิตจริงมันไม่ใช่อย่างที่เราฝันไว้เสมอหรอก แต่การไม่คิดไม่ฝันอะไรเลย ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเหมือนกัน เอาเป็นว่าอะไรที่เป็นทางสายกลางน่าจะดีที่สุดสำหรับเรา กลับจากเดนมาร์กไป อยู่เมืองไทย 5 เดือนในช่วง 2 เดือนแรกตระเวนเที่ยวเมืองไทย เที่ยวจนหมดตัว หมดไม่มีตังค์ เริ่มหางานทำและคิดว่ามีงานทำและชีวิตใหม่ก็คงจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีและท้าทายมากขึ้น เราอยากจะตั้งหลักปักฐานที่เมืองไทยแล้วจริงๆ ความคิด ณ ช่วงเวลานั้นคิดว่ามันใช่แล้วล่ะ พอแล้วไม่ไปไหนแล้ว เลิกเที่ยวแล้ว ไม่เอาแล้ว
และก็ได้งานทำที่ใหม่ในช่วงเดือนสิงหาคมเป็นอะไรที่ใหม่หมดและเป็นอะไรที่ตัวเราเองคิดว่าเราเหมาะกับงานนี้ เราน่าจะทำได้ดีที่สุด ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน ทำไปได้ 1 เดือน ก็ยังไม่คล่องอะไรเลย เดือนที่ 2 เริ่มจะเข้าใจในตัวงานแต่ในช่วงกลางเดือนที่ 2 เริ่มหาความสุขไม่เจอ ไม่โทษที่ตัวงาน โทษที่ตัวเองมากกว่า เริ่มหาความสุขไม่เจอ เพราะในตอนนั้นเป็นคนคาดหวังสูงว่าทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่ตัวเองหวัง
เราไม่เคยทำงานออฟฟิสที่ต้องนั่งหน้าจอคอมตลอดมาสักพัก เริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มไม่ใช่ เพราะตัวเราเป็นคนที่คิดเยอะคิดต่าง เราไม่สามารถเป็น A happy robot ได้ เราคิดเสมอว่าเราทำได้แต่เราจะไม่มีความสุขในระยะยาว เราจะยื้อไม่ได้อีกแล้ว ในขณะเดียวกันเพื่อนก็ชวนไปประเทศนอร์เวย์ไปเป็นออแพร์ที่ประเทศนอร์เวย์ วีซ่าเราเหลืออีกไม่กี่วันก็จะหมดอายุุ ถ้าเราจะไปเราต้องทำเรื่องใหม่หมด ซึ่งมันต้องรอนานพอสมควรของประเทศแถบสแกนดิเนเวียจะรอวีซ่านานมาก
ในครั้งที่เราขอวีซ่าไปอยู่เดนมาร์กเราต้องรอวีซ่านานถึง 3 เดือน คือ 92 วันเป๊ะๆเลย เราไม่อยากรอนานและอายุก็เลยกำหนดของประเทศนอร์เวย์แล้ว เราจึงไม่ได้ไป ก็เลยเริ่มหางานออนไลน์ไปเรื่อยๆ คิดว่าถ้าได้งานที่ชอบก็จะอยู่เมืองไทยต่อ แต่ในขณะที่หางานใหม่ เราก็หาบ้านใหม่ไปด้วยเหมือนกัน มันเป็นช่วงที่ตึงเครียดพอสมควร ทำงานเป็นกะต้องและรีบกลับที่พักเพื่อมาสัมภาษณ์ทาง skype กับบ้านที่หาได้
ช่วงเดือนที่ 3 เราได้คุยประมาณ 3 บ้าน จากประเทศลักเซมเบิร์ก 1 บ้าน และ 2 บ้านจากประเทศเนเธอร์แลนด์ และเราก็ตัดสินใจเลือกบ้านที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมือง Amsterdam กับลูกสาว 1 คน บ้านอยู่ใกล้ตัวเมือง Amsterdam 15 นาที จากนั้นเราก็ทำเรื่องขอวีซ่าทันที วีซ่าออแพร์ประเทศเนเธอร์แลนด์ใช้เวลาขอเร็วมาก ภายใน 2 อาทิตย์ก็รู้ผลว่าได้หรือไม่ได้ ระหว่างที่รอเราลุ้นมาก เพราะกลัวไม่ได้วีซ่าเพราะอายุเยอะแล้ว ทางสถานทูตจะคิดว่ายังไง เรากังวลมาก กังวลทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เป็นอันทำงานทำการ
ในที่สุดผลของวีซ่าก็ออกเราต้องเอา Passport ไปแสตมป์และต้องรอ passport กลับมาก่อน เดี๋ยวจะเขียนบล็อกวิธีการขอวีซ่าออแพร์เนเธอร์แลนด์อย่างละเอียด เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนไทยที่ต้องการหาข้อมูลภาษาไทยอยู่ เพราะตอนเราหาข้อมูลการขอวีซ่าออแพร์เนเธอร์แลนด์ด้วยตัวเอง เราหาไม่เจอเลย เราต้องดูเองทำเองและต้องถามจากเพื่อนหลายๆคน เพื่อนๆก็ดีมากคอยหาข้อมูลให้เสมอเลย เราจึงอยากเขียนบล็อกเพื่อให้ประโยชน์กับว่าที่ออแพร์คนต่อไปค่ะ
สำหรับชีวิต 5 เดือนที่เมืองไทยก็เป็นอะไรที่คุ้มค่า เราได้ลองทำอะไรใหม่ๆ งานใหม่ๆ ที่ท้าทายตัวเองเพื่อจะค้นคว้าตัวตนของเราว่าจริงๆแล้วตัวเราเองเป็นแบบไหน เพื่อเราจะได้รู้จักตัวเราเองอย่างแท้จริง แต่เรายังมีความเชื่อเสมอว่าเรายังโชคดีอยู่เสมอ ขอบคุณเพื่อนที่เราพบเจอระหว่างทาง เราได้บทเรียนในหลายๆด้าน เป็นประสบการณ์ในทางที่ดีที่เราจะนำมาพัฒนาตัวเราเอง ขอบคุณเวลา 3 เดือนที่ทำงานกับบริษัทที่เมืองไทย เราเติบโตขึ้นมาอีกขั้นและเราเชื่อว่าเรายังต้องเรียนรู้ต่อไปตลอดชีวิตของเราเอง
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ


คุณคิดอย่างไร