ว่าจะมาเขียนนานแล้ว แต่ไม่มีแรงบันดาลใจที่จะเขียน บวกกับการจัดสรรเวลาไม่เป็นของตัวเอง มีทั้งบล็อกภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่บริหารเวลาไม่เป็นอย่างที่บอกค่ะ และอีกอย่างเพิ่งค้นพบงานอดิเรกใหม่ของตัวเอง นั่นคือการวาดรูปค่ะ ใช้เวลาเยอะกับการวาดรูปค่ะ วาดรูปทุกวันต่อเนื่อง 4 เดือน สิงหาคมถึงพฤศจิกายนค่ะ ช่วงหลังมาหยุดเพราะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองวาดไม่พัฒนา เหมือน Art บล็อค อะไรแบบนั้นค่ะ
วันนี้บอกตัวเองแล้ว จะเป็นคนที่ Productive มากขึ้น
ตอนนี้ที่เดนมาร์ก ก็เริ่มสว่างมากขึ้น ตอนกลางวันเริ่มยาวแล้ว เหมือนเริ่มมีพลังใจขึ้นด้วยแหล่ะ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เหมือนรู้สึกว่าพลังในการใช้ชีวิตมันหายไป เป็นเพราะอากาศที่มึดๆครึ้มๆด้วยหรือเปล่านะ เราไปเรียนภาษาเดนิชที่โรงเรียน ก็บ่นกับเพื่อนทุกวันว่า ทำไมฉันเหนื่อยจังช่วงนี้ ฉันอยากกลับบ้าน ฉันอยากกลับเมืองไทย แต่ฉันติดที่เซ็นสัญญางานกับเจ้านายไว้
ฉันไม่อยากผิดคำพูด มันดูไม่น่าเชื่อถืออีกแล้ว ฉันต้องอดทนสินะ พูดให้เพื่อนฟัง บ่นปรับทุกข์ กับเพื่อนคนไทยอีก ถามเพื่อนออแพร์ว่าเป็นไหม ขี้เกียจไหม ขี้เกียจทำงานป่ะ เพื่อนก็น่ารักมาก เออ เป็นเหมือนกันว่ะ เหนื่อย เบื่อเหมือนกัน ใจเราก็คิด เออน่า… คนอื่น ก็เป็นเหมือนกัน ไม่ใช่เราที่เป็นคนเดียว มาช่วงหลัง มารู้จักกับเพื่อนคนฟิลิปปินส์ที่อยู่แถวบ้าน เจอหน้ากันทุกวัน ปรับทุกข์กันเกือบทุกวันที่เนอสเซอรี่ มารับ มาส่งเด็กเหมือนกัน
คนที่อยู่ในสถานะเดียวกัน คุยกันเข้าใจ เหมือนเริ่มรู้สึกดีมากขึ้นได้คุยกับเพื่อน เหมือนมีคนรับฟังและช่วยแชร์ปัญหาปรับทุกข์ด้วยกัน เป็นอะไรที่รู้สึกขอบคุณมากๆเลย ถ้าไม่มีเพื่อนในห้องเรียน ไม่มีเพื่อนที่คุยด้วยเลย คงอยู่ไม่ได้มาจนถึงวันนี้ คงกลับเมืองไทยไปนานแล้ว 555 ยอมรับค่ะ ไม่มีใคร ไม่มีปัญหา ทุกคนมีปัญหาของตัวเองทุกคนเนอะ

ในวันที่ตัดสินใจมาเดนมาร์กเพราะเราเหนื่อย อยากเที่ยว อยากเปิดโลกให้ตัวเอง อยากได้ประสบการณ์ชีวิต อยากเป็นผู้ใหญ่ อยากโตขึ้น พอลองย้อนกลับไปคิด มันมีความยุ่งยาก ในการขอวีซ่ามาที่เดนมาร์ก รอวีซ่านานถึง 3 เดือน แต่ละขั้นตอนยากมาก กว่าจะเจอโฮสต์ที่ดีขนาดนี้ กว่าจะเจออะไรที่เข้ากันได้ไม่ใช่เรื่องยาก เจอเจ้านายที่ไลฟสไตล์คล้ายๆกัน เคมีเข้ากัน รวมถึงเด็กๆที่รักเรา เด็กผู้ชาย 3 คนที่รักเรา กว่าจะเจอแบบนี้เราต้องผ่านอุปสรรคมาเยอะ ถ้าจะกลับไทยตอนนี้ก็คงเสียดาย เสียใจ เพราะมีโอกาสดีๆ แบบนี้ทำไมจะต้องทิ้งมันไปล่ะ จริงไหม….
วันเกิดวันที่ 5 เดือนตุลาคม ปี 2560 ที่ผ่านมา โฮสต์จัดงานวันเกิดให้ใหญ่มากจริงๆ คุณตากับคุณยาย น้องสาวโฮสต์พ่อสองคนมาร่วมงานวันเกิด น้องสาวโฮสต์พ่อทำ Cake วันเกิดให้ ทำอาหารให้ คือเหมือนวันเกิด ไม่ต้องทำอะไรเลย รอรับประทานอาหารอย่างเดียวเลย ฮ่าๆ ส่วนโฮสต์พ่อก็ถือ ช่อดอกไม้ ของขวัญ กับการ์ดอวยพรวันเกิดมาให้ โห ! ดอกไม้ช่อใหญ่สวยมากเลยค่ะ ของขวัญเป็น Art set กับ Pocket Money ให้ บอกให้ซื้ออะไรที่อยากได้แล้วกันเนอะ แล้วก็รับประทานอาหารกัน ทั้งครอบครัวก็ร้องเพลงสุขสันต์วันเกิด ภาษาเดนิช ภาษาฟาโร และภาษาอังกฤษให้เรา เรารู้สึกขอบคุณและทราบซึ้งมากๆค่ะ น้องคนกลางก็ร้องเพลงวันเกิดให้เรา น่ารักมากๆ
จากนั้นเดือนธันวาคมก็ไปฉลองคริสมาสต์กันที่ Faroe โฮสก็ให้ของขวัญวันคริสมาสต์อีก คราวนี้เป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับ โรม อิตาลี เราดีใจมากพูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าโฮสจะซื้อให้ คิดว่าโฮสจะซื้อแชมพูหรือรองเท้าให้ ก็เลย งงๆ โฮส บอกว่าก่อนที่เธอจะกลับไทย ฉันอยากให้เธอไป ประเทศที่น่าไป ในยุโรป อย่างอิตาลี เธอพลาดไม่ได้นะ โฮสกล่าว เพราะโฮสเราชอบไปอิตาลีมากๆ เปิดซอง ออกมาเป็นตั๋วเครื่องบิน ไปกลับพร้อม Pocket money จำนวนหนึ่งไม่มาก แต่ไม่น้อย และก็หนังสือ Guide Rome ของ Lonely planet

น้องสาวโฮสต์ก็ให้ของขวัญเป็นหมวกที่ถักเอง ส่วนคุณยายฝั่งทางโฮสต์แม่ให้เป็นเงิน ยูโรพร้อมกับ หนังสือ Guide เที่ยวลิสบอน ส่วนคุณป้าน้องสาวของคุณยาย ฝากถุงน่องจากห้าง Magasin มาให้เป็นของขวัญ ช่วงคริสมาสต์ที่ Faroe เป็นช่วงที่อบอุ่นจริงๆเพราะคุณตา คุณยายทำอาหารอร่อยๆให้ทานทุกวันเลยค่ะ น้ำหนักขึ้นมา สองกิโลเพราะคุณตาคุณยายที่ Faroe แท้ๆ ฮ่าๆ
อากาศที่ Faroe ช่วงคริสมาสต์ หนาวมากเลย หิมะตกแต่ก็สนุกทีเดียว เพราะออกข้างนอกไปกับน้องคนโต และกับน้องสาวโฮสต์พ่อ ไปเล่นสไลด์หิมะกันบนภูเขาตื่นเต้นมากเพราะเป็นครั้งแรกของเรา เล่นเหมือนเด็กๆกัน

แล้วก็ไปให้อาหารแกะ ไปถ่ายรูปแกะกัน วิวข้างนอกสวยที่สุด หิมะปกคลุมรอบๆภูเขา เดินไปข้างล่างจะเป็น Atlantic ocean สวยมากๆค่ะ เหมือนชีวิตติดอยู่กับธรรมชาติเลย เหมือนฝันเลยค่ะ เหมือนดินแดนมหัศจรรย์ ฮ่าๆ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาคืออากาศของที่เกาะ พยาการณ์อากาศบอกว่า วันนี้จะฝนตก สักพักฝนตก แต่อีกหน่อยจะเป็นหิมะตก และสักพักจะเป็นลมแรงๆ อะไรแบบนี้ค่ะไม่แน่นอนค่ะ
ถามคุณตาว่าทำไมแกะเยอะจังคะ คุณตาตอบว่าชาว Faroe กินแกะเป็นอาหาร นั่นแหล่ะเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเลี้ยงแกะไว้เยอะขนาดนี้ เพราะแกะมันเป็นอาหารของเราไงล่ะ เลยบอกคุณตาว่า หนูรักสัตว์ รักแกะมาก หนูกินไม่ลงหรอก หนูสงสารแกะค่ะคุณตา แกะน่ารักขนาดนั้นหนูไม่กินเด็ดขาดค่ะ คุณตากับคุณยายหัวเราะหนักมาก

นอกจากแกะแล้ว ยังมีปลาแซลมอนที่ชาวเกาะชอบกิน แต่ปลาแซลมอนที่นี่อร่อยมาก น้ำก็สะอาด อร่อยมาก ตอนอยู่ที่ Faroe ดื่มน้ำวันเยอะมากค่ะ เพราะมันอร่อยจริงๆค่ะ
มีรูปมาให้ชมกันค่ะ รูปบรรยากาศที่ เกาะ Faroe

หลังจากกลับมาจากเทศกาลคริสมาสต์ที่ Faroe ก็มาฉลองปีใหม่ที่เดนมาร์กไม่มีอะไรหวือหวา เพราะไม่ค่อยอยากออกไปไหนเลยช่วงหลังเพราะอากาศหนาวทำให้ขี้เกียจบวกกับความมึดตั้งแต่บ่ายสามโมงครึ่ง
แต่ก็ได้ออกไปงานวันเกิดเพื่อนฟิลิปปินส์และได้รู้จักเพื่อนเยอะขึ้น เป็นชาวฟิลิปปินส์ทั้งหมด
สิ่งที่เรียนรู้จากเพื่อนฟิลิปปินส์ คือต่อให้มีความยากลำบากขนาดไหนก็ต้องทะเยอทะยานให้ถึงที่สุด เหมือนเค้ารักที่จะท่องเที่ยวมากๆ เพื่อนๆบอกว่าพอจบจากเดนมาร์กเค้าจะไปต่อกันที่นอร์เวย์อีกไปเป็นออแพร์ เที่ยวอีก เราก็ โอ้โห เจ๋งมากๆเลยนะ เพื่อนฟิลิปปินส์เที่ยวไม่ต่ำกว่าปีละสิบประเทศ
มันทำให้เราได้แบ่งปันประสบการณ์ออแพร์กับเพื่อนต่างชาติด้วย ที่สำคัญได้ปรับทุกข์กัน แต่เป็นเราไม่รู้จะเป็นออแพร์ต่ออีกไหม เพราะอายุจะเกินล่ะ ถ้าเรารู้จักโครงการออแพร์ตั้งแต่อายุน้อยๆก็คงดี แต่ก็ต้องมารอลุ้น ตอนกลับไปไทยจะยังไงต่อไปเนอะ

กลางเดือนมกราคม ก็ Backpack ไปเที่ยวลิสบอน โปรตุเกสคนเดียวค่ะ พัก Hostel เป็น Hostel ที่ดีที่สุดในยุโรปที่เคยพักมาค่ะ สะดวกสบายมากๆ ระบบรักษาความปลอดภัยดีมากจริงๆ มีหอพักเป็นของผู้หญิงด้วย เราพักหอพักหญิงกับเพื่อนผู้หญิงอีก 5 คน เป็นทริปที่สนุกมากๆ ได้เพื่อนเป็นคนเกาหลีสองคน และคนโมร็อคโก อีกสองคน ยังคุยกับเพื่อนเกาหลีอยู่เลย ฮ่าๆ มิตรภาพจากการท่องเที่ยวมันดีจริงๆค่ะ เจอเพื่อนเกาหลีที่ Hostel วันแรกเที่ยวคนเดียว พอวันที่สองไป Sintra และมาวันที่ สาม ก็เที่ยวกับเพื่อนเกาหลี วันที่ 4 ก็บินกลับเดนมาร์ก อยากจะเขียน รีวิวจัง แต่ไม่ได้จด ค่าใช้จ่ายไว้เลย แต่ก็พอจำได้คร่าวๆ รวมๆแล้วใช้ไป 300 ยูโร รวมทุกสิ่งอย่าง 4 วัน 3 คืน

หลังจากกลับมาจากลิสบอนก็ Backpack ไป เบอร์ลิน เยอรมนณี อยู่ 4 วัน 3 คืนเหมือนเดิม แต่ไม่มีอะไรประทับใจมากที่เบอร์ลิน ไม่ได้ชอบมาก มีความรู้สึกเฉยๆกับเมืองนี้ เบอร์ลินค่าครองชีพไม่แพง เที่ยวสบายๆหมดไปแค่ 250 ยูโร รวมทุกอย่างแล้ว กินดีอยู่ดี คราวนี้ได้เพื่อนเป็นคนเวียดนามแต่อาศัยอยู่ออสเตรเลีย อายุน้อยมาก 18-19 เที่ยวกัน โชคดีจัง เด็กๆ และอีกคนเป็นคนเม็กซิโก และอีกคนก็เป็นคนเกาหลี มีเราแก่อยู่คนเดียว ฮ่าๆ
กลับมาจากเบอร์ลินก็ทำให้รู้สึกดีมากขึ้นมีพลังงานบวกมากขึ้น เหมือนเป็นการ Refresh ชีวิตค่ะ ที่จริงแล้วสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย เพียงแต่ตัวเราเองคิดไปเอง สร้างสถานการณ์ของเราไปเอง จินตนาการไปเอง ทำให้พลังงานบวกที่เคยมีหายไปเอง
จากนี้ไปเราจะจินตนาการแต่สิ่งดีๆ พลังงานบวกของเรากลับมาแล้ว เราเริ่มอยากที่จะสานต่อในสิ่งที่เราทำ เราอยากทำให้มันดีขึ้น อยากพัฒนาตัวเองในทุกๆด้าน ทำให้ตัวเองมีความสุขให้มากที่สุดค่ะ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่เราก็ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจริงไหมคะ คิดบวก คิดแต่สิ่งดีๆ เเละเชื่อเสมอว่าพลังงานบวกจะนำพาแต่คนที่ดีๆเข้ามาในชีวิตค่ะ
1 ปี 3 เดือนแล้วที่เดนมาร์ก เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมาก ได้ประสบการณ์ใหม่ๆมากมาย ขอบคุณตัวเองที่ยังมีลมหายใจ ขอบคุณที่ยังสามารถตื่นขึ้นมา มีโอกาสทำในสิ่งที่อยากทำ ขอบคุณตัวเองที่ยังไม่ยอมแพ้ ขอบคุณเจ้านาย ขอบคุณมิตรภาพดีๆที่ได้พบเจอในปีที่แล้วและปีนี้และปีต่อๆไป
รู้สึกรักและขอบคุณตัวเองที่มีวันนี้ และหวังว่าตัวเราจะนำพลังงานดีๆ พลังงานบวกมาแชร์ให้กับทุกคนที่เข้ามาอ่านได้รับประสบการณ์จากเรา ให้มากที่สุดค่ะ
ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตให้มีความสุขนะคะ แล้วเจอกันใหม่ โพสหน้าค่ะ เร็วๆนี้ !
ต่อไปนี้เราจะใส่ใจบล็อกของเราให้มากขึ้น เผื่อการเขียนของเราจะมีประโยชน์ต่อใครสักคนในโลกใบนี้ที่หลงเข้ามาอ่านบล็อกของเรา ใครที่กำลังท้อแท้ หมดพลังบวก หมดพลังในการใช้ชีวิต ขอให้สู้ต่อไป อย่าหมดพลังบวก นานเกินไปนะคะ เดี๋ยวเราจะไม่ได้ชีวิต
Live your life like you means it! Fighting
