ทุกๆวันในการเป็นออแพร์มีเรื่องตลก มีเรื่องเครียด กดดันต่างๆ คิดถึงบ้าน เศร้า นอยด์ทุกช่วงเวลาแตกต่างกันไป เราเชื่อว่าทุกคนมีช่วงเวลาเหล่านั้นเหมือนๆกัน แต่สิ่งที่เราได้ มันก็ทำให้เรามีความสุขเช่นกัน เหมือนเป็นประสบการณ์ที่เราซื้อไม่ได้และใครก็มาเอาจากเราไป ไม่ได้เช่นกัน เพราะตัวเราเองเป็นคนพบเจอเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยเอง เนื้อเรื่องจึงเป็นของเรา
ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงประเทศเดนมาร์ก วันแรกที่เดินเข้ามาในบ้านหลังที่สองนี้ เราผ่านอะไรต่างๆมาด้วยกันเยอะมากกับโฮส ตอนไปโรงพยาบาลกับโฮส โฮสบอกกับคุณหมอที่โรงพยาบาลว่า อยากรู้อะไรเกี่ยวกับลูกของผม อลิซรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับลูกของผม ถามเธอได้เลย ก็ประมาณนั้นค่ะ อยู่ด้วยกันทุกวันก็ต้องรู้เรื่องของกันและกันค่ะ

เรื่องประทับใจ เอาอะไรก่อนดีนะ เอาเรื่องของลูกชายคนกลางก่อนละกันเนอะ น้องชื่อวิลเลียม น้องคนนี้เป็นเด็กพิเศษ ที่มีไตอยู่ข้างเดียว ช่วงสองสามปีแรก น้องอยู่โรงพยายาบาลตลอดเลย เหมือนนอนอยู่โรงพยายาบาลตลอด และน้องก็มีพัฒนาการช้ากว่าเด็กที่อายุเท่ากัน น้องเค้าจะไม่รู้สึกหิว หรือบางทีไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร อารมณ์จะแปรปรวนตลอด ถ้าโกรธก็จะร้องไห้เยอะหน่อย อย่างที่บอกว่ามีไตข้างเดียว น้องจะกินอาหารเหมือนคนปกติไม่ค่อยได้ เพราะยังต้องฝึกอีกเยอะ เพราะตอนอยู่โรงพยายาบาลกินอาหารทางสายที่ต่อเข้าทางปากเป็นของเหลวซะมากกว่าค่ะ กว่าที่พ่อแม่จะฝึกให้กินอาหารได้เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆค่ะ ตอนนี้น้องเริ่มกินได้เป็นบางอย่าง อย่างพิซซ่า พาสต้า หรือ แตงกวา ไส้กรอก อะไรแบบนี้ค่ะ
เราก็พยายามฝึกให้น้องกินอย่างอื่นบ้าง บางทีน้องก็ลอง บางทีก็ไม่ลองเลย ฮ่าๆ แต่เด็กคนนี้เป็นเด็กที่มีความจำที่ดีมากๆค่ะ และเป็นเด็กที่มีความเห็นอก เห็นใจผู้อื่นมากๆ คือใส่ใจเอาใจผู้อื่นเป็น ตอนอารมณ์ปกติ น้องจะคุยน่ารักมากค่ะ ตอนเช้าสิ่งที่น้องทำ จะตะโกนลั่นบ้าน ตะโกน สวัสดีตอนเช้าเราก่อน สวัสดีตอนเช้าเราก่อน สวัสดี พ่อแม่อีกค่ะ เรียกหาชื่อเราก่อนเลยเป็นอันดับแรก น้องจะเป็นแบบนี้ทุกเช้าเลย ไม่ว่าน้องจะอารมณ์ไม่ดี ตอนเช้าแต่ ไม่ลืมที่จะสวัสดีตอนเช้าเรา น่ารักมากเลยค่ะ

God morgen Alice ! Godmorgen น้องจะพูดจนกระทั่งเรา ขานรับว่า Godmorgen เหมือนกัน พอแต่งตัวเสร็จก็จะมานั่งกินข้าวด้วยกัน บางทีน้องก็จะถามว่า เป็นไงเธอนอนหลับสบายดีไหมเมื่อคืน แต่เป็นภาษาเดนิชนะคะ ฮ่าๆ วันหนึ่งเราให้ดูรูปวาดผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นเดนิช น้องก็จะชอบถามถึงผู้ชายคนนั้นบ่อยๆ คือความจำดีมากๆค่ะ ตอนอารมณ์ปกติ น้องก็ชอบถามแบบไร้เดียงสา ว่า
Hvor er danskemand ? Du savner ham?
ผู้ชายเดนิชคนนั้นไปไหน เธอคิดถึงเค้าเหรอ
ถามแบบนี้ตลอดจ้ะ เราก็ได้แต่ตอบว่าเค้าหายไปแล้วแหล่ะ เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เพราะเค้าไม่ได้ชอบฉันนี่น่า น้องก็จะตอบมา ว่า
Jo,Han kan lide dig Alice.
เค้าชอบเธออยู่นะ อลิซ
เราก็ไม่รู้จะตอบยังไงต่อเนอะ เพราะเด็กไร้เดียงสา น่ารักจริงๆค่ะ อีกวันตอนเช้าก่อนน้องไปโรงเรียน เราบ่นให้น้องว่า ทำอะไรก็ช้า ใส่รองเท่าสิ ทำเองเป็นไหม ฉันเหนื่อยนะ เธอช่วยฉันหน่อยได้ไหม เราก็บ่นให้น้อง
ทีนี่น้องก็ตอบกลับมาว่า “Gamle Kvinde !” ผู้หญิงแก่ ขี้บ่นจัง ประมาณนั้น
โฮสต์พ่อได้ยิน แปลให้เราฟัง หัวเราะกันใหญ่ โอ้ยยยยยย สงสัยฉันก็แก่จริงๆนะ บางทีฉันก็บ่นเยอะไป….ฮ่าๆ วันไหนเราแต่งตัวแต่งหน้าหน่อยก็เดินมาหาเราล่ะ อะไรอยู่บนปากเธอน่ะ ก็ฉันทาลิปสติกไงล่ะ เราก็พูดตอบไป ฮ่าๆ แล้วน้องก็จะพูดว่า
Du er fint Alice! Du er rigtigt Smuk Alice!
เธอดูดีนะอลิซ เธอสวยจริงๆนะอลิซ อร๊ายยย เด็กนี่ ชมบ่อยไปล่ะ ก็เขินไปสิ อยู่กับชาย 3 มันดีแบบนี้เอง ไม่มีใครสวยเท่าเราแล้วในบ้านหลังนี้ฮ่าๆ
เราต้องสอนการบ้านเด็กคนกลางทุกวันอังคาร กับวันศุกร์ เพราะน้องยังเขียนหนังสือไม่ได้เราต้องพยายามฝึกให้เค้าหัดจับดินสอ เพราะกล้ามเนื้อมืออ่อนแรงมาก ควบคุมดินสอยังไม่ได้ พอกลับมาจากโรงเรียนน้องก็จะรู้แล้วว่าต้องมาเรียนกับเรา บางทีอารมณ์ดีหน่อยก็จะง่ายหน่อย บางวันอารมณ์ไม่ได้ก็จะร้องไห้ นอนไปกับพื้นก่อนค่อยมาเรียน แต่ตอนนี้อยู่ด้วยกันมานานไม่ค่อยมีปัญหาในการควบคุมเด็กคนกลาง เพราะน้องคนกลางรักเรามากค่ะ แต่จะเอาแต่ใจหน่อย

มันเป็นเรื่องที่ประทับใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าเราจะใจเย็นได้ขนาดนี้ ขอบคุณน้องคนกลางที่ทำให้เป็นผู้ใหญ่มาอีกขั้นค่ะ ว่าด้วยเรื่องน้องคนโต ชื่อ คาล อายุ จะ 9 ขวบหล่ะ น้องนั่งรถกลับมาจากบ้าน บอกแม่น้องว่า ถ้าเราจะหาออแพร์ใหม่ ต้องหาให้ได้สวย แต่งตัวดีเหมือนอลิซนะแม่ คืออร๊ายยยยย ทำไมจะพูดดีขนาดนี้ล่ะ เรานี่เขินเลย ฮ่าๆ เด็กบ้านนี้
ช่วงคริสมาสต์น้องคนโตได้ของขวัญ เป็นโทรศัพท์ iPhone เครื่องใหม่ นี่ส่งข้อความหาเราบ่อย เห่อ โทรศัพท์ใหม่มาก และน้องก็พูดว่า เดี๋ยวถ้าเธอกลับไปประเทศไทย เธอคงลืมฉันไปหล่ะ เดี๋ยวเธอก็จะพูดภาษาเดนิชไม่ได้แล้ว เธอก็จะฟังฉันพูดไม่รู้เรื่องแล้ว เราก็เลยบอกไปว่า
ฉันลืมไม่ได้หรอก เธออย่าลืมสิ ฉันเกิดมาฉลาดนะ ฉันไม่ลืมภาษาเดนิชแน่นอน แล้วเธอก็ไปหาฉันที่ประเทศไทยสิ เราบอกน้องไปแบบนี้ นางก็ยิ้ม ฮ่าๆ น้องจะชอบบอกพ่อแม่กับว่าเรากินอะไร หรือยัง ไม่กล้าถามเรา แต่ไปถามกับพ่อกับแม่แทน ก็น่ารักไปอีกแบบ เด็กคนโตกำลังอยู่ในช่วงของวัยรุ่น ช่วงนี้ยากหน่อยเพราะเอาแต่ใจ
แต่พ่อแม่ก็ไม่ได้สปอย มาก พ่อแม่เค้าชอบยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นว่าน้องเป็นเด็กที่ได้โอกาสดีๆ พ่อแม่จะชอบพูดบอกลูกเค้าว่า ต้องกินข้าวให้หมด ลองนึกถึงเด็กๆแถวแอฟฟริกาใต้ เด็กๆ คนอื่นที่ไม่มีข้าวจะกินสิ บ้านเค้าก็ไม่มีอยู่ พ่อแม่ก็ไม่มี ต้องกินข้าวที่พ่อแม่ทำให้ กินให้หมดสิ เราว่าเค้าก็สอนลูกดีในระดับหนึ่งค่ะ
มาถึงน้องคนเล็ก อายุสองขวบเองค่ะ ชื่อเซเว่น คนนี้เลี้ยงมาแต่เล็ก ใกล้ชิดกันมาตั้งแต่เล็ก เหมือนเป็นสายใยผูกพันกัน เราจะแปลภาษาของกันและกันออก บางทีพ่อแม่เค้าเองก็ไม่รู้หรอกว่าน้องพูดว่าอะไร แต่เราก็รู้ว่าน้องต้องการอะไร เพราะภาษาเดนิชของเราใกล้เคียงกัน เหมือนเราเริ่มเรียนไปด้วยกัน ฮ่าๆ
วันไหนเราเปียผมสองข้าง น้องก็จะชอบจับผมเรา สองข้างแล้วยิ้ม เด็กเนอะ เราก็จะถามน้อง Kan du lide mit har ?เธอชอบผมของฉันหรอ น้องก็จะตอบ hmmm อืมม ตามประสาเด็กค่ะ น้องคนนี้เพิ่งเริ่มพูดแต่ เรียกชื่อเราได้ อยากให้ให้เราทำอะไรให้ ก็จะเดินมาอ้อนๆ อลิซๆๆ มือๆๆ มาจับมือเรา อยากให้เราไปเปิดทีวี ให้ดู แต่จะเปิดทีวีให้ต้องมาจูบแลกการเปิดทีวีจ้าาาาา ฮ่าๆ
พอเราจะปิด ทีวี น้องก็จะชอบทำหน้าตาผิดหวัง แล้วพูดว่า Ej! ประมาณ อั้ยยย อะไรอ่ะ ไม่อยากให้ปิด ฉันจะดูต่อ ช่วงอายุสองขวบน้องจะหลับยากมาก เป็นเพราะทางเนอสเซอรี่ให้นอนเยอะไป พอกลับมาที่บ้านเลยนอนไม่หลับ เพราะน้องต้องเข้านอนตอนทุ่มนึง ทีนี่พ่อแม่เลยไปบอกกับทางเนอสเซอรี่ว่าไม่ต้องให้น้องนอนตอนกลางวัน พอกลับมาจากเนอสเซอรี่ช่วงนี้ น้องก็ง่ายหน่อย หลับง่ายดี บางทีอยู่นั่งกินข้าวอยู่ก็หลับค่ะ แต่จริงๆเรื่องมันมีเยอะมากเลยค่ะ เขียนไม่หมด

การมาอยู่นะจุดๆนี้ทำให้เราเหมือนได้ประสบการณ์ การดูแลในช่วงอายุที่แตกต่างกันไป เราว่าครบเลย เพราะเด็กบ้านเราอายุต่างระดับกัน มีช่วง 1-2 ขวบ 7 ขวบ และ 9 ขวบ และโฮสแม่ก็กำลังตั้งท้องน้องอีกคน จะคลอดเดือนพฤษภาคม ซึ่งทำให้เราเครียดไปช่วงหนึ่งเหมือนกัน เพราะบ้านเราจะเป็น ชายสี่ หมี่เกี๊ยวล่ะที่นี่ แหม่ ชาย สี่ค่ะ
พอจบจากโครงการออแพร์นี่เราว่า เราพร้อมเป็นแม่คนเลยค่ะ ทำทุกอย่าง สากกระเบือ ยันเรือรบ แหม่
ต้องลองมาดูค่ะ มาทำดูถึงจะรู้ว่า คนที่เป็นออแพร์ทุกคน อึดมากจริงๆ โดยเฉพาะ ออแพร์แถบยุโรปค่ะ แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีๆในชีวิตของเราค่ะ หาซื้อไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว ได้เรียนภาษา (บางทีก็ไม่ได้อยากเรียนมาก) ได้เที่ยวยุโรป 25 ประเทศในเขต เชงเก้นวีซ่า ได้เปิดโลกกระทัศน์มุมมองใหม่ๆ
บางทีก็ได้ค้นพบ ความสามารถที่เราไม่รู้ว่าเราสามารถทำได้ อย่างเรา สำหรับการวาดรูป เพราะอย่าว่าแต่วาดรูปเลย เป็นเมื่อก่อนนะ ให้นับหนึ่งถึง หนึ่งร้อย ยังนับไม่ได้เลย ไม่ใช่โง่คณิตศาสตร์ นะ แต่เป็นคนใจร้อน ไม่มีความอ่อนโยนพอที่จะมาถ่ายทอด ความรู้สึกผ่านภาพวาด ภาพเขียนได้ขนาดนั้น พอมาลองทำดูก็รู้ว่า เออนะ เราก็ใจเย็นเป็นเหมือนกันนี่นา พอทำนานๆเข้าก็เริ่มรัก เริ่มคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ส่วนหนึ่งที่เราจะต้องหาเวลาที่พิเศษให้มันจริงๆ
นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของเราในการเป็นออแพร์ค่ะ ถ้าเห็นพิมพ์ภาษาไทยตรงไหนไม่ถูก ช่วยบอกมาด้วยนะคะ เพราะกำลังหัดพิมพ์ภาษาไทยให้คล่องอยู่ค่ะ อย่างที่บอก ไม่ค่อยได้พิมพ์ภาษาไทย ช่วงหลังภาษาไทย ภาษาเขียนแย่มากค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาส่อง มาอ่านกันนะคะ ใครที่เป็นออแพร์ อยู่ขอให้มีความสุขในการทำงานนะคะ ฮ่าๆ (บางทีมันก็คิดถึงบ้านเนอะ เราเข้าใจ เพราะเราก็เป็นค่ะ บางครั้ง)

คุณคิดอย่างไร